Let Us know what you ride! SHOPPING CART

Desierto IV: พลิกโฉมใหม่หมด ไม่ใช่แค่ปรับปรุง

ไม่ว่าจะสูงสุดหลังคาโลกหรือลึกสุดใจกลางแอฟริกา มีผลิตภัณฑ์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะสื่อถึงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยได้มากเท่ากับแฟริ่ง Desierto จาก Touratech ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนบนเส้นทางอันยาวไกลในทุกทวีปตลอด 17 ปีที่ผ่านมา Touratech กำลังเปิดบทใหม่ให้กับเรื่องราวความสำเร็จนี้ด้วย Desierto IV สำหรับ BMW R 1200 GS LC ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติคอนเซ็ปท์ใหม่ทั้งหมดทั้งในด้านรูปลักษณ์และความสบายสูงสุดสำหรับการขี่



แฟริ่ง Desierto รุ่นแรกในปี 1998 ถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการที่จะปรับปรุงคุณสมบัติป้องกันลมที่แทบจะไม่มีอยู่เลยใน R 1100 GS ชื่อ Desierto ซึ่งหมายถึงทะเลทรายในภาษาสเปน นอกจากจะกระตุ้นเร้าความอยากที่จะเดินทางข้ามทะเลทรายทุกแห่งทั่วโลกด้วยมอเตอร์ไซค์คันนี้แล้ว ยังบ่งบอกถึงแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบอีกด้วย การป้องกันลมอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยเฉพาะกับการขี่ระยะไกล เพื่อไม่ให้กระแสลมตีและเสียงลมส่งผลต่อความสนุกของการขี่



Desierto รุ่นแรกเป็นการเปลี่ยนแทนที่โครงส่วนหน้าทั้งหมด รวมถึงไฟหน้าทรงเหลี่ยมประหลาดตา และในเวลาต่อมาได้มีการพัฒนารุ่นแรลลี่เพิ่มเข้ามาด้วยเช่นกัน โดยมีชุดติดตั้งสำหรับยึดสมุดนำทางและคอมพิวเตอร์มอเตอร์ไซค์ IMO ของ Touratech

หลังจากที่มีการเปิดตัว R 1150 GS ทาง Touratech จึงได้ออก Desierto II ตามมาอย่างรวดเร็วในปี 2002 มอเตอร์ไซค์คันนี้คือคันเดียวกับที่เฮอร์เบิร์ต ชวาร์ซ ใช้ขี่ข้ามเขาไกรลาสในทิเบตในระหว่างการถ่ายทำสารคดีท่องเที่ยวตอนแรกของ Touratech แฟริ่งรุ่นนี้มีการดัดแปลงให้ยังคงใช้ชุดไฟหน้าเดิมของ GS หลังจากที่มีการออกแฟริ่ง Desierto III สำหรับ R 1200 GS (2005) แนวคิดของแฟริ่งนี้ได้ถูกนำมาใช้กับ F 800/650 (Twin) GS เช่นเดียวกันในชื่อ Desierto F (2009)

 
สิบปีหลังจากการเปิดตัว Desierto III ทาง Touratech ไม่ได้ต้องการที่จะแค่ต่อยอดการออกแบบเดิมเพื่อให้กลายเป็น Desierto IV แต่ต้องการที่จะออกแบบแฟริ่งขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยคำนึงถึงรูปลักษณ์เส้นสายใหม่ของ BMW ในขณะที่ยังคงรักษาคอนเซ็ปท์เดิมของตัวเองเอาไว้



งานนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับ บาร์ท แวนเดน โบการ์ด หัวหน้าทีมออกแบบของ Touratech ซึ่งทำงานในโครงการนี้ร่วมกับนักออกแบบและที่ปรึกษาอย่าง เดวิด ร็อบบ์ กระบวนการทำงานของโครงการนี้เกิดขึ้นที่ TT-3D ภายใต้การดูแลของ เดิร์ก เบนเดิล ผู้จัดการโรงงาน



โรงงานผลิตชิ้นงานต้นแบบในเมืองเมอร์เนา รัฐบาวาเรียแห่งนี้ คือสถานที่ที่เปลี่ยนไอเดียของเหล่านักออกแบบให้กลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา




โมเดลดินปั้นถูกสร้างขึ้นตามแบบร่าง ภาพสเก็ตช์ และโมเดลกระดาษ จากนั้นจึงถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดสัดส่วนและลักษณะผิวของชิ้นงานจริง




“การเห็นชิ้นงานจริงๆ อยู่บนมอเตอร์ไซค์ทำให้เราเข้าใจถึงภาพรวมได้ชัดเจนกว่าการดูแต่ภาพจำลองในจอคอมพิวเตอร์” บาร์ท แวนเดน โบการ์ด อธิบายถึงขั้นตอนการทำงานที่เต็มไปด้วยรายละเอียด หลังจากทีมนักออกแบบโอเคกับผลงานและผลงานผ่านการอนุมัติในขั้นตอนต่อไปแล้ว โมเดลจะถูกนำมาสแกนด้วยกระบวนการดิจิตอล จากนั้นนำมาสร้างเป็นโมเดล 3 มิติ




เส้นสายกวาดขึ้นเหนือไฟหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Desierto เตะตานับตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เช่นเดียวกับส่วนข้างทรงสามเหลี่ยมที่เชื่อมโยงระหว่างแฟริ่งกับถังน้ำมัน การออกแบบพลิ้วไหวขับเน้นความคล่องตัวของ R 1200 GS LC และเพิ่มมิติใหม่ให้กับรูปลักษณ์ที่คุ้นตาของ Desierto


 
กระจกบังลมทำมุมชันกว่ากระจกบังลมเดิมของรถ ให้ความรู้สึกของการขี่ที่ดีขึ้น เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง และ ในขณะเดียวกันยังช่วยป้องกันลมได้โดยไม่เกิดกระแสลมตีที่ระดับศีรษะ และเนื่องจากกระจกบังลมยังคงสามารถปรับได้เช่นเดิม นักขี่จึงสามารถปรับความสูงและองศาของกระจกบังลมได้ตามต้องการขณะขี่ Touratech ยังมีกระจกบังลมให้เลือกสองแบบสำหรับ Desierto IV ตามเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ โดยแบบแรกเป็นบังลมขนาดเล็กที่ต่ำกว่าบังลมติดรถ GS ซึ่งช่วยในการระบายลมและเหมาะสำหรับการขี่แนวสปอร์ต





ส่วนแบบที่สองเป็นกระจกบังลมทรงสูงสำหรับการขี่แบบทัวร์ริ่งและเดินทางระยะไกล กระจกบังลมทั้งสองแบบมีให้เลือกทั้งแบบใสและแบบย้อมสีที่ระดับความเข้มต่างๆ นอกจาก Desierto IV จะสามารถติดตั้งได้ง่ายแล้ว ยังมีแฟริ่งชิ้นกลางจำหน่ายแยกต่างหากสำหรับติดตั้งร่วมกับกระจกบังลมเดิมที่ติดมากับ R 1200 GS รวมทั้งยังเป็นกรอบไฟหน้าอีกด้วย